จะเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากยังไงให้เหมาะกับเรา (Part 1)


วิธีการพื้นฐานในการดูแลช่องปากของคนเราที่คุ้นเคยกันที่สุด หมอคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการแปรงฟัน และการบ้วนปาก เพราะว่าทั้ง 2 วิธีการนี้ไม่ว่าจะด้วยสื่อโฆษณา หรือผู้คนรอบๆ ตัวมักจะปลูกฝังให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว
แต่ก็ยังคงมีหลายคนอีกนั่นแหละ ที่ยังถามเข้ามาบ่อยๆ ว่า ความจริงแล้วการใช้ “น้ำยาบ้วนปาก” มันจำเป็นจะต้องใช้บ่อยๆ ใช้ทุกวันแบบที่ในโฆษณาเขาบอกหรือเปล่า เพราะบางคนใช้แล้วโอเค แต่กับบางคนใช้แล้วอาจจะรู้สึกคล้ายๆ ว่าเผ็ดอยู่ในปาก แสบร้อน จนทำให้รู้สึกว่าแค่แปรงฟันให้สะอาดวันละ 2 ครั้งก็น่าจะพอแล้ว

อ้าว! แล้วสรุปว่าใน 1 วัน เราแค่แปรงฟันก็พอ หรือว่าต้องใช้น้ำยาบ้วนปากด้วยถึงจะดี ?

อาจจะดูเป็นข้อสงสัยเล็กๆ นะคะ แต่ข้อสงสัยเล็กๆ นี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการรักษาปากและฟันของเรา เพราะฉะนั้นคงไม่เสียหายอะไรเนอะ ถ้าบทความนี้ หมอจะเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของ “น้ำยาบ้วนปาก” ใครกำลังข้องใจ สงสัยว่าจะใช้ดีหรือไม่ดี ต้องลองอ่านดูค่ะ


น้ำยาบ้วนปากคืออะไร ?

ถ้าพูดกันง่ายๆ ด้วยภาษาง่ายๆ แบบที่ทุกคนเข้าใจก็คือ ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดช่องปากชนิดหนึ่ง ที่มาในรูปแบบของน้ำ มีวิธีการใช้ง่ายตรงตามชื่อด้วยวิธีการ “บ้วน” และหลังจากนั้น เราจะมีลมหายใจหอมสดชื่น ซึ่งน้ำยาบ้วนปากสามารถใช้ควบคู่ไปกับการแปรงฟัน หรืออาจจะใช้เฉพาะช่วงที่เราไม่สามารถแปรงฟันได้ตามปกติ เช่น ปวดฟัน ฟันผุ เหงือกบวมหรืออักเสบ ฯลฯ 

อ่านๆ ดูก็ใช้งานง่าย สะดวก แต่สิ่งที่หมอเคยรับฟังบางคนบ่นๆ มาบ้าง มักจะเป็นเรื่องของความรู้สึกตอนกำลังบ้วนปากอยู่ เช่น บางทีก็รู้สึกว่าน้ำยาบ้วนปากเผ็ด และแสบร้อนเกินไป ทำให้ใช้ได้เพียงแค่ทีละนิดหน่อยเท่านั้น หรือกับใครที่มีอาการมากหน่อย ก็ไม่ชอบใช้น้ำยาบ้วนปากไปเลย

ทำยังไงดี ถ้าใช้น้ำยาบ้วนปากแล้วรู้สึกเผ็ดในปาก? 

มีคนจำนวนมากที่ไม่ชอบใช้น้ำยาบ้วนปากเพราะรู้สึกว่ามันเผ็ด ใช้แล้วแสบปาก ไม่โอเค!! 
ถ้าใครใช้น้ำยาบ้วนปากแล้วรู้สึกว่าแสบร้อน ลองเช็คภายในช่องปากดูก่อนนะคะว่า เรามีแผลในช่องปากมั๊ย กำลังร้อนในอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่มีก็อาจจะเลือกใช้วิธีการผสมน้ำยาบ้วนปากกับน้ำให้เจือจางลงก่อนบ้วนปากได้ค่ะ


แล้วน้ำยาบ้วนปากจำเป็นหรือไม่ ?

ถ้าเรามีสุขภาพปากและฟันที่ดีอยู่แล้ว แถมแปรงฟันสะอาด ถูกวิธีอยู่เป็นทุนเดิม การใช้น้ำยาบ้วนปากก็ไม่จำเป็น แต่ถ้าหากตรงกันข้ามคือ เรามีสุขภาพในช่องปากไม่ดี กำลังอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น มีภาวะฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ และแปรงฟันไม่ค่อยถูกวิธี การใช้น้ำยาบ้วนปาก ก็เป็นตัวช่วย “ส่งเสริม” ให้สุขภาพปากและฟันของเรายังอยู่ดี ไม่แย่ลงไปกว่าเดิม ซึ่งในช่วงที่มีปัญหาเกี่ยวปากและฟัน ควรจะต้องรีบไปพบทันตแพทย์นะคะ ไม่อย่างนั้นอาการจะค่อยๆ แย่ลงจนรักษาได้ยาก

กลุ่มคนที่ควรใช้น้ำยาบ้วนปาก ได้แก่ 

1. มีฟันผุ หรือต้องไปหาหมอ ไปถอนฟัน อุดฟันอยู่บ่อยๆ เพราะว่ามีนิสัยชอบกินของหวาน กินจุบจิบแบบตามใจปาก แบบนี้ควรที่จะบ้วนปากควบคู่กับการแปรงฟันให้เป็นนิสัย
2. คนที่อาจจะแปรงฟันได้ไม่สะอาดพอ เช่น เด็กๆ หรือผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถควบคุมการใช้กล้ามเนื้อมือได้ดีพอ หรือแม้แต่คนพิการที่อาจจะไม่สะดวกมากนักในการแปรงฟัน หรืออาจจะเป็นคนที่กำลังมีอาการเหงือกอักเสบ กลุ่มนี้ก็ควรอย่างยิ่งที่จะใช้น้ำยาบ้วนปากควบคู่ไปด้วย เพราะการใช้น้ำยาบ้วนปากจะช่วยลดจำนวนเชื้อโรคที่ในแผ่นคราบจุลินทรีย์ที่หลงเหลือจากการแปรงฟันลงได้ ทำให้เหงือกอักเสบลดลง
3. คนที่มักจะ “เสียวฟัน” อยู่บ่อยๆ 
4. คนที่มีปัญหาเรื่อง “กลิ่นปาก” น้ำยาบ้วนปากถือว่าเป็นสิ่งดีงามมาก เพราะช่วยเพิ่มระยะเวลาของลมหายใจหอมสดชื่นให้นานขึ้น แต่ก็ต้องไม่ลืมนะคะว่ากลิ่นหอมลมหายใจหอมสดชื่นจากน้ำยาบ้วนปาก ไม่ได้อยู่ทนไปตลอดทั้งวัน ดังนั้นใครที่มีปัญหานี้ก็ต้องระวังเรื่องการรับประทานอาหารระหว่างวันเอาไว้ด้วย เดี๋ยวมีกลิ่นปากระหว่างวัน เพื่อนๆ จะไม่แฮปปี้ แถมเราเองก็จะเสียความมั่นใจไปเลย จะพรีเซนท์งานหรือคุยงานกับลูกค้าก็ไม่กล้าพูด ไม่กล้ายิ้มได้เต็มที่

ในซุปเปอร์มาเก็ตมีน้ำยาบ้วนปากหลายยี่ห้อ หลายแบบมากๆ ต้องเลือกยังไงดี ?
จริงๆ แล้วถ้าให้แยกน้ำยาบ้วนปากออกเป็นข้อๆ แบบให้เข้าใจง่าย ก็มีอยู่ไม่กี่ประเภทค่ะ ลองมาดูกันนะคะ ว่าแต่ละข้อ แต่ละประเภท แบบไหนที่เหมาะกับเรา

1. น้ำยาบ้วนปากสำหรับเด็ก ข้อนี้เลือกง่าย ตรงตัว เพราะชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าสำหรับเด็ก แต่เราควรเลือกให้เด็กอายุมากกว่า 6 ปีขึ้นไปใช้นะคะ เพราะถ้าเด็กอายุน้อยกว่านี้เขาจะชอบกลืนน้ำยาบ้วนปากแทนที่จะบ้วนออกมา 
2. น้ำยาบ้วนปากแบบมีฟลูออไรด์ ซึ่งห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ถ้าใครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากในกลุ่มนี้อยู่ อย่าลืมอ่านฉลากให้ครบถ้วนก่อนให้สมาชิกจอมซนที่บ้านใช้ด้วย น้ำยาบ้วนปากประเภทนี้จะเน้นลดกลิ่นปาก มีการเติมสารฆ่าเชื้อจุลินทรีย์เข้าไปด้วย เพื่อลดจำนวนจุลินทรีย์ในช่องปาก เพราะจุลินทรีย์ทำให้เกิดกลิ่นปาก จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นปากโดยเฉพาะ
3. น้ำยาบ้วนปากที่ช่วยลดอาการเสียวฟัน ลดคราบหินปูน จะมีสารออกฤทธิ์ที่มาช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ให้ลดลง แต่ทางออกที่ดีคือยังไงก็ควรมาหาหมอค่ะ เพราะน้ำยาบ้วนปากไม่ใช่การรักษา ถ้าอยากหายขาดต้องมาหาหมอฟันเท่านั้น เพราะช่วยรักษาได้ตรงจุดกว่า
4. น้ำยาบ้วนปากแบบเน้นลมหายใจหอมสดชื่น ด้วยน้ำมันหอมระเหย เพื่อความรู้สึกเย็น สดชื่น ซึ่งน้ำยาบ้วนปากสูตรนี้จะกลบกลิ่นปากได้ราวๆ 2-3 ชั่วโมงหลังจากใช้งาน และเนื่องจากน้ำมันหอมระเหยจะออกฤทธิ์ได้ดีเมื่อทำงานร่วมกับแอลกอฮอล์ บางสูตรจึงใส่แอลกฮอล์ลงไปด้วยทำให้เวลาใช้บ้วนปาก เราจะรู้สึกว่ามันเผ็ด แสบๆ ร้อนๆ ดังนั้น ใครไม่ชอบน้ำยาบ้วนปากชนิดนี้ ให้เลือกใช้แบบไม่ผสมแอลกอฮอล์แทนได้
5. น้ำยาบ้วนปากแบบสูตรรวม ทั้งลมหายใจหอมสดชื่น ลดคราบหินปูน ลดอาการเสียวฟัน ช่วยฟันขาวขึ้น เรียกได้ว่าดูแลทุกสิ่งเอวี่ติงในช่องปาก อาจจะเป็นสูตรที่ถูกอกถูกใจและสะดวกกับใครหลายๆ คนเพราะรู้สึกว่ามันคุ้มดี 

ถึงจะมีน้ำยาบ้วนปากหลายสูตร หลายยี่ห้อ ให้เราได้เลือกใช้กัน แต่หมออยากให้ทุกคนเข้าใจไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้าหากว่าเรากำลังมีปัญหาเกี่ยวกับช่องปาก เช่น มีกลิ่นปาก ฟันผุ เหงือกบวม ฯลฯ ถึงจะยังไม่ได้มีอาการเจ็บปวดทรมานมาก ก็อยากให้มาหาหมอฟันค่ะ เพราะการมาหาหมอแต่เนิ่นๆ จะทำให้รักษาง่าย ไม่เจ็บเยอะ แถมหายไวอีกต่างหาก 

แต่ถ้าหากเรามองว่า ไม่เป็นไรหรอก แค่นิดเดียวเอง แค่แปรงฟัน อมน้ำยาบ้วนปากทุกวัน หรือกินยาแก้ปวดด้วยเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น ซึ่งถ้าเราไม่ใส่ใจและปล่อยเอาไว้นานๆ อาจจะมีบางช่วงที่อาการเจ็บปวดมันหายไป ทำให้เรายิ่งชะล่าใจ แต่พอมารู้ตัวอีกทีก็อาการหนักกว่าเดิมแล้ว สุดท้ายยังไงก็ต้องมาหาหมออยู่ดี   

อย่าลืมนะคะว่า ไม่ว่าจะเป็นยาสีฟันหรือแปรงสีฟันสูตรไหนๆ ที่เขาโฆษณากันว่าดี ยังไงมันก็ไม่ใช่ยารักษา ถ้ามีอาการส่อแววมีปัญหาเกี่ยวกับปากและฟัน มาหาหมอค่ะ ง่ายๆ แค่นี้เอง รับรองหายไวได้ยิ้มสวยๆ กันทุกคน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น